Search This Blog

Wednesday, December 19, 2007

"อาร์เอส" คาดสิ้นปีนี้ธุรกิจหนังโกยรายได้ทะลุ 300 ล้าน

"อาร์เอส" ปลื้มธุรกิจหนังรุ่ง คาดสิ้นปีนี้โกยรายได้ทะลุ 300 ล้านบาท จากหนัง 5 เรื่อง คิดเป็นสัดส่วน 7-8% ของรายได้รวมบริษัทฯ ครองมาร์เก็ตแชร์ 14% ของมูลค่าตลาดรวม 1.7 พันล้านบาท เผยต่อคิวปั้นหนัง 6 เรื่อง 6 แนวเข้าฉายตลอดปีหน้า แย้มอาจร่วมทุนพันธมิตรคลอดหนังอีก 2 เรื่อง ตั้งเป้าปี 51 ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 300-325 ล้าน คิดเป็น 8-10% ของรายได้รวมบริษัทฯ พร้อมตอกย้ำแบรนด์อาวองให้ชัดเจนมากขึ้น หัวงย้ำความเป็นค่ายผลิตภายนตร์ไทย ที่มอบความบันเทิงพร้อมความคุ้มค่าให้กับผู้ชม
นาย พรชัย ว่องศรีอุดมพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการส่วนจัดจำหน่ายและบริหารสื่อ ณ โรงภาพยนตร์สายงานภาพยนตร์ บ.อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ มีภาพยนตร์เข้าฉายในโรงหนัง จำนวน 5 เรื่อง ประกอบด้วย ผีไม้จิ้มฟัน,เมล์นรกหมวยยกล้อ,รักนะ24ชั่วโมง,บ้านผีสิง และโปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวม 300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7-8% ของรายได้รวมบริษัทฯ ขณะที่ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 14% ของมูลค่าตลาดภาพยนตร์ไทย 1.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปีหน้าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท ปีนี้การลงทุนประมาณเท่าๆกับปีหน้า เพราะปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ คาดว่าจำนวนคนดูหนังยังจะมีอยู่ อาจจะดูน้อยลงไปบ้าง โดยเฉลี่ย คนไทยดูหนัง 2 เรื่องต่อเดือน แต่จะทำหนังให้ถูกใจคนดูให้มากขึ้น ทำให้คนดูมีความรู้สึกว่าคุ้มกับการจ่ายเงินไปเพื่อดูภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ
นางจันทิมา เลียวศิริกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการส่วนผลิตและสร้างสรรค์ สายงานภาพยนตร์ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะนำภาพยนตร์ 6 เรื่อง 6 แนว ประกอบด้วย เรื่องรักสยามเท่าฟ้า ที่จะฉายในวันที่ 31 มกราคม 2551 หลังการเลือกตั้ง พูดถึงความรักความสามัคคีของคนกลุ่มนี้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การบินของไทย 2.เรื่องดรีมทีม(ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) เป็นหนังเด็ก ที่เน้นความเป็นครอบครัว ในหนังจะแฝงปรัญญาเล็กๆไว้เป็นข้อคิด ดาราที่เด่นคือเด็ก 10 คน ส่วนอีกประมาณ 40คนจะเป็นดาราประกอบ จะฉายช่วงปิดเทอม (น่ารักมากครับ) 3.เรื่องหล่อแหบ แสบคูณ2 (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) เป็นหนังเพลง ที่ไม่ได้เล่นมุข จะเข้าฉายประมาณ มิถุนายน 2551 4.เรื่อง โหดหน้าเหี่ยว จะเน้นความสนุสนานไปกับเนื้อเรื่อง มากขึ้น โดยได้ผู้กำกับ ยอร์ช-ฦกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ จะฉายประมาณ พฦศจิกายน 2551 และอีก 2 เรื่องที่กำลังอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด

No comments: